manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
manowdee.com
 
 
 

โรคแคงเกอร์มักจะเกิดกับพืชตระกูลส้มเช่น ส้มโอ ส้มเขียวหวานหรือกระทั่งมะนาว เกิดจากเชื้อแบคที
เรีย #Xanthomonas axnopodis pv.citri ลักษณะของโรคจะเป็นแผลกลมนูนเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนเช่นใบลำต้นทำให้ต้นแคระแกรนและตายในที่สุดหรือกระทั่งผลทำให้ขายไม่ได้ราคา

#การป้องกันและดูแลรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาตัวใดที่สามารถยับยั้งหรือกำจัด แคงเกอร์ได้100% แนวทางที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้เกิดโรค หนอนชอนใบก้อเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แคงเกอร์เข้าทำลายพืชได้ง่าย เนื่องจากใบถูกทำลายปากแผลจะเปิด เพราะฉะนั้นการรักษายอดอ่อนจากหนอนชอนใบเพลี้ยไฟ ไรแดงจึงเป็นเรื่องสำคัญ ตลอดจนการจัดเขตกรรม การตัดแต่งทรงพุ่มเพื่อให้แสงแดดส่องถึงทั่วลำต้น ก้อช่วยลดอัตราเสี่ยงของโรคลงได้

#สำหรับแนวทางการป้องกันของทางสวนคือ
ใช้สารคอปเปอร์ไฮดรอกไซด์(ฟังกูราน)ในอัตรา15-20กรัม/น้ำ20ลิตร ฉีดพ่น7-10วันต่อครั้งโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแคงเกอร์จะระบาดหนักในช่วงนี้และการตัดแต่งทรงพุ่ม ให้โปร่งแสงส่องถึง หรืออาจจะป้องกันด้วยสารชนิดอื่นเช่น นาโนซิงค์ออกไซด์ แบล๊คคิลเลอร์หรือสเตปโตมัยซิน(ยาปฏิชีวนะ)การใช้สารเคมีควรศึกษาการใช้ตลอดจนการป้องกัน
ตัวเองจากสารเคมีด้วยนะคับ หากเป็นที่ใบหรือกิ่งเด็ดใบและตัดแต่งกิ่งที่เป็นออกนำไปเผาไฟเพื่อฆ่าเชื้อ แล้วรักษายอดอ่อนที่แตกใหม่ ตามสูตร1-4-7 ถ้าเป็นที่ลำต้นมีผู้แนะนำมาว่าขูดรอยนูนออกแล้วผสมฟังกูรานกับน้ำพอเปียกทาบริเวณแผลที่ขูด
หากเป็นหนักถอนทิ้งเผาทำลายดีกว่านะคับเพราะปลูกไปก้อเเคระแกรน เปลืองปุ๋ยยา

 

 

 

 

การจัดการโรคแคงเกอร์ มะนาว

 
โรคแคงเกอร์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Xanthomonas axonopodis จะเข้าทำลาย ใบมะนาว กิ่ง และผลมะนาว โดยที่ใบจะมีจุดสีเหลืองเกิดขึ้น และอาจมีจุดสีแดง หรือ น้ำตาลอยู่ด้วย ตามภาพ


ในผลมะนาวที่เป็น แคงเกอร์ (canker) ก็จะมีจุดสีเหลือง ขึ้นเช่นกัน และทำให้มะนาวราคาตกต่ำไม่เป็นที่ต้องการของแม่ค้าในตลาด ตามภาพ

 
 
การป้องกันโรคแคงเกอร์เริ่มจาก
1 คัดเลือกกิ่งพันธุ์ดี ปลอดโรคแคงเกอร์
2 แช่น้ำยา streptomycin  + oxytetracycline นาน 90 นาที ในกิ่งพันธุ์ก่อนปลูก
3 ปลูกไม้ไผ่เป็นแนวกันลม ในสวนมะนาว
4 ป้องกันหนอนชอนใบโดยใช้ ไดโนทีฟูแรน(dinotefuran)
5 ใช้  White oil เมื่อมีการระบาด
6 ใช้แบคทีเรีย บาซิลลัสสูตร พลายแก้ว  ฉีดพ่น ทุก 30 วัน
7 ใช้ zinc  oxide nano พ่นเมื่อ แคงเกอร์ระบาด และพ่นต่อทุก 15-30 วัน
 
 
 
 
หนอนชอนใบ จะทำให้โรคแคงเกอร์ระบาดมากขึ้น
 
เมื่อเกิดการระบาดของโรคแคงเกอร์
1 ตัด กิ่งใบที่ติดโรค มาเผาทำลาย
2 ฉีดพ่นด้วย zinc oxide nano   2 รอบ ห่างกัน 10 วัน
3 ตามด้วยการพ่น บาซิลลัสสูตร 3 อีกสองรอบ
 

White oil  ทำจากปิโตเลี่ยมจึงค่อนข้างปลอดภัย ใช้กำจัดหนอนชอนใบ และเพลี๊ยะไก่แจ้
ได้แก่ สารยี่ห้อ เอสเค 99 ของโซตัส http://www.sotus.co.th/index.php?p=438&hl=th




ไดโนทีฟูแรน(dinotefuran)  ยี่ห้อ สตาร์เกิล (Starkle) ความเป็นพิษต่ำมาก ต่อมนุษย์ และ ใช้กำจัดหนอนชอนใบ เพลี๊ยะไก่แจ้ และเพลี๊ยะไฟ  ได้ดี ออกฤทธิ์นาน 14 วัน 
 
 

 

 

สูตร1-4-7คือสูตรการรักษายอดอ่อนอันทรง ประสิทธิภาพคิดค้นขึ้นโดย รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี เกจิไม้ผลชื่อดังของเมืองไทย แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน" หลายครั้งที่มีผู้นำสูตรนี้ไปใช้แล้วไม่ได้ผลแม้จะมีกรรมวิธีการใช้สารเคมีและการฉีดพ่นตามวงรอบที่ถูกต้องแล้วก้อตามแต่ยอดอ่อนก้อยังถูกโรคและแมลงเข้าทำลาย จึงเป็นเหตุให้พาลคิดว่าใช้สูตรนี้ไม่ได้ผลซึ่งแท้จริงแล้วจุดสำคัญที่สุดจะอยู่ที่

#การนับวันแรกที่จะเริ่มใช้สูตร1-4-7
กล่าวคือ วันที่ 1 ของการใช้สูตร 1-4-7 จะเริ่มตั้งแต่

#ยอดอ่อนผลิออกมาใหม่ประมาณเขี้ยวกรแต
(3-5มม.)ซึ่งในช่วงระยะเวลานี้จะมีทั้งโรคและแมลง เข้ามาวางไข่และทำลายยอดอ่อน ส่วนการใช้สูตร 1-4-7 ของสวนมะนาวสุระจินดาก็ได้ยึดถือแนวทางและปฏิบัติดังนี้

#ครั้งที่1 หลังจากมะนาวผลิยอดอ่อนเท่าเขี้ยว
กระแต(3-5มม.) เริ่มนับเป็นวันที่ 1 ฉีดพ่น(จับใบ+(อิมิดาครอพริด,กำมะถันทอง) )

#ครั้งที่2 หลังจากฉีดพ่นครั้งที่ 1 ให้เว้นสองวัน
แล้วเริ่มฉีดพ่นในวันที่ 4 (จับใบ+(อบาเม็กติน,ไซเปอร์เมทริน) )

#ครั้งที่3 หลังจากฉีดพ่นครั้งที่ 2 ให้เว้นสองวัน
แล้วเริ่มฉีดพ่นในวันที่ 7
(จับใบ+ฟังกูราน+(คาร์โบซัลแฟน,โอไมท์) )

#ข้อควรระวัง ห้ามพ่นสารเคมีขณะเเดดจัดหรือผสม
สารเข้มข้นจนเกินไป การใช้สารเคมีจะสลับปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ไม่ได้ตายตัวว่าต้องใช้ตามนี้นะครับ เพียงเท่านี้ยอดอ่อนก็จะผลิออกสวยงาม ไม่มีปัญหา
หนอนชอนใบหรือใบบิดม้วนอันเนื่องมาจากเพลี้ยไฟหรือไรแดงแน่นอนครับ

 

 

สวนสุระจินดา เกิดจากแนวคิดผสมผสาน งานทางด้านเกษตร ผสม อุตสาหกรรม

คือเพื่อนในกลุ่มได้ทำงานในสวนเกษตรอุตสาหกรรม และบางส่วนจบทางด้าน

สาขาเกษตร บางส่วน มีประสบการณ์ ที่ผ่านมา เรียกได้ว่า ทำสวนผลไม้ ที่มีเนื้อที่

3,000 กว่าไร่ ในรูปแบบอุตสาหกรรม ปัจจุบันก็ทำงานอยู่ในด้านนี้

เริ่มจากการที่เพื่อนในกลุ่มเรา ได้ปลูกส้มและ มะนาวอยู่ในรูปแบบที่ดี เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

มาผสมผสาน กับสายพันธุ์ มะนาวตามท้องตลาดทำให้ สวนเราคิดว่าจะนำประสบการณ์มา

เลาสู่กันฟัง ในแนวทางตามกลุ่มเรา  เราเรียกกลุ่มเราว่า กลุ่มแนวผสมผสานงาน เกษตร

ที่สวนเราดั้งเดิมปลูกลงดิน และ ลงท่อวงบ่อ แต่สวนมากจะปลูกลงดิน

กลุ่มเราได้ทำงานร่วมกับทาง อาจาร์ย มหาวิทยาลัย ทางด้านเกษตร หลายๆท่าน ในเมืองไทย

และได้เดินทางไปเยี่ยมชม ยังต่างประเทศที่มีลักษณะ อากาศคล้ายเมืองไทย

ทางกลุ่มเรา ได้ศึกษาการปลูกมะนาว ตามกูรูเมืองไทย หลายๆ ท่าน ตามแนวทางของเรา

ตามที่ผมเสนอในหัวข้อ ความรู้เรื่องมะนาว เราก็ได้นำมาปรับใช้ในระบบ เกษตร แบบชาวบ้าน

เพื่อลดต้นทุน ในเกษตร แบบที่ควรเป็นไป ตามท้องถิ่น

 

สวนสุระจินดา ได้ปลูกทั้งแบบอินทรีย์และ ปลูกแบบเคมี จึงนำข้อดีและ ข้อเสียของแต่ละ อย่าง

มาผสมให้เข้ากันแบบ เฉพาะเรา

 

สวนสุระจินดา ได้เรียนรู้การปลูกตามแนวทาง ตามท่านอาจารย์ ที่มีชื่อเสียง ในด้านมะนาว ดังนี้

ดร.รวี เสรฐภักดี อ.ทอง ธรรมดา คุณชาย ท่ายาง คุณวโรชา จันทโชติ

 

 



 

 

 
สรุปขั้นตอนการทำมะนาวนอกฤดูด้วยวิธีพ่นสาร PBZ

การทำมะนาวนอกฤดูด้วยวิธีพ่นสารพาโคลบิวทราโซล (Paclobutrazol; PBZ) ตามแนวทางของท่าน รศ.ดร.รวี เสรฐภักดี แห่งศูนย์วิจัยและพัฒนาไม้ผลเขตร้อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เป็นวิธีการที่ผมใช้มาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา และมั่นใจว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลและสามารถตอบโจทย์การทำมะนาวนอกฤดูได้เป็นอย่างดี
ห้วงการทำนอกฤดูนับจากวันที่เล็มยอดหรือตัดยอดไปจนถึงเก็บเกี่ยวจะกินเวลาประมาณ 8 เดือน หรือ 240 วัน ซึ่งสามารถแบ่งการปฏิบัติที่สำคัญอย่างคร่าวๆในแต่ละช่วงได้ดังนี้
ช่วงที่ 1 เลี้ยงยอด (30 วัน)

1.รักษายอดอ่อนด้วยสูตร 1-4-7 ยอดชุดนี้สำคัญมากเพราะเราจะใช้ในการสังเคราะห์แสงสร้างอาหารอย่างน้อยก็ตลอดช่วงการทำนอกฤดู (หากจำเป็นอาจเพิ่มความเข้มข้นในการรักษายอดอ่อนเป็น 1-4-7-10 ก็ได้)

2.ให้ปุ๋ยสูตรโยกหน้าทั้งทางดินและทางใบ

3.วันที่ 15 หลังเล็มยอด ฉีดพ่นสารพาโคลบิวทราโซล ที่ความเข้มข้น 400 ppm ครั้งที่ 1
ช่วงที่ 2 สะสมอาหาร (60 วัน)

4.ปรับสูตรปุ๋ยทั้งทางดินและทางใบมาเป็นสูตรโยกหลัง

5.วันที่ 60 หลังเล็มยอด ฉีดพ่นสารพาโคลบิวทราโซล ความเข้มข้น 400 ppm ครั้งที่ 2

6.งดน้ำ (ประมาณวันที่ 60-75 หลังเล็มยอด ขึ้นอยู่กับวัสดุปลูก)

7.ขึ้นน้ำโดยให้น้ำอย่างเต็มที่หลังจากงดน้ำจนใบสลด

8.ประมาณวันที่ 80-85 หลังเล็มยอด ฉีดพ่นสารโปแตสเซียมไนเตรท (13-0-46) ความเข้มข้น 5,000 ppm เพื่อทำลายการพักตัวของตาดอก
ช่วงที่ 3 ออกดอก (15 วัน)

1.เริ่มรักษาดอกด้วยสูตร 1-4-7 ทันทีเมื่อตาดอกเริ่มผลิออกมาให้เห็น

2.ช่วงนี้ยังคงให้ปุ๋ยสูตรโยกหลังทั้งทางดินและทางใบ

3.ฉีดพ่นแคลเซียมโบรอนในระยะดอกตูมเพื่อส่งเสริมการผสมเกสร

4.ระยะกลีบดอกโรย-ผลอ่อนเท่าหัวไม้ขีด ให้เริ่มรักษาผลอ่อนด้วยสูตร 1-4-7 ทันที

5. ฉีดพ่น NAA ความเข้มข้น 10-20 ppm เน้นไปที่ขั้วผลเพื่อช่วยให้ขั้วผลเหนียวขึ้น ลดการหลุดร่วง

6.โรคและแมลงศัตรูพืชที่สำคัญช่วงออกดอกได้แก่ รากเน่าโคนเน่า ราดำ เพลี้ยแป้ง หนอนเจาะดอก
ช่วงที่ 4 ติดผล (120-135 วัน)

1.ปรับสูตรปุ๋ยทั้งทางดินและทางใบมาเป็นสูตรโยกหน้าอีกครั้ง+จุลธาตุ พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณปุ๋ยที่ให้มากขึ้นกว่าปกติประมาณ 50% หรือมากกว่า หากติดผลดกมาก นับจากนี้เราจะใช้ปุ๋ยโยกหน้าเรื่อยไปจนกระทั่งเก็บเกี่ยว (หากเป็นมะนาวพันธุ์เปลือกหนา อาจปรับไปใช้สูตรโยกหลังช่วงครึ่งหลังอายุผลจะช่วยให้เปลือกบางลง)

2.ธาตุอาหารที่มะนาวมักแสดงอาการขาดในช่วงติดผลได้แก่ แมกนีเซียม และแคลเซียม

3.จัดการโรคและแมลงศัตรูด้วยสูตร 1-4-7 ไปจนถึงช่วงครึ่งอายุผล (ประมาณ 2 เดือน) โดยเว้นระยะห่างรอบละ 15 วัน

4.โรคและแมลงศัตรูพืชที่เพิ่มเติมเข้ามาในช่วงผลกำลังเจริญเติบโต ได้แก่ รากเน่าโคนเน่า ราดำ เมลาโนส เพลี้ยไฟ ไรแดง เพลี้ยแป้ง มวนเขียวส้ม หนอนเจาะผล
ขั้นตอนการปฏิบัติข้างต้นเป็นเพียงกรอบแนวทางกว้างๆของการทำมะนาวนอกฤดู ยังมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรอีกมากมายที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ เช่น สภาพภูมิอากาศ การจัดการน้ำและธาตุอาหาร เป็นต้น
พึงระลึกว่า มะนาวเหมือนเด็กใบ้ มะนาวแต่ละต้นจะไม่เหมือนกัน แม้กระทั่งการตอบสองในแต่ละกิ่งในต้นเดียวกันก็ยังไม่เหมือนกัน ดังนั้น การปฏิบัติเหมือนกันทุกประการทั้งสวนย่อมไม่มีทางได้ผลกับมะนาวเหมือนกันหรือเท่าเทียมกันทุกต้น
พึงตระหนักว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดคือ ต้นมะนาวที่จะทำนอกฤดูต้องมีความสมบูรณ์พร้อมและความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของมะนาวของผู้ปฏิบัติ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะส่งผลให้การทำมะนาวนอกฤดูประสบผลสำเร็จ
และพึงระลึกไว้เสมอว่า "การทำมะนาวนอกฤดูให้สำเร็จ ไม่มีสูตรสำเร็จ"
จบโหมดอุ่นเครื่องมะนาวนอกฤดูเพียงเท่านี้

 

 

 

 

ตระกร้าสินค้า

 x 

ไม่มีสินค้าในตระกร้า