ตัววัดความชื้นในดิน
ตัววัดความชื้นในดิน จริงๆแล้วการปลูกพืชอะไรสักอย่างเราจะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีพอ อย่างเช่นการปลูกมะนาว
มะนาวชอบชื้นไม่ชอบแฉะ ถ้าหากแฉะเกินไปก็จะเกิดรากเน่าโคนเน่าได้ และที่สำคัญก็จะต้องเสียทรัพยากรณ์น้ำ
มากเกิดความจำเป็น รวมถึงค่าไฟฟ้าที่จะต้องเสียเพิ่มเกินความจำเป็นอีกอย่างหนึง ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านั้นคือต้นทุนในการทำเกษตรทั้งนั้น
การที่เกษตกรจะขายผลผลิตได้กำไรนั้นต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย ถ้าเกษตกรควบคุมปัจจัยการผลิตเหล่านี้ได้ จะทำให้ลดการสูญเสียไปได้หลายด้านและทำให้ได้ผลกำไรมากขึ้นเช่นกัน
ค่าที่อ่านได้จาก Tensiometer มีความหมายดังนี้
ช่วง 0 ถึง -10 เซนติบาร์ หมายถึงมีน้ำพอเพียงกับการเจริญเติบโตของพืช น้ำที่อยู่ในดินในช่วงที่อ่านได้ค่านี้ จะระบายออกภายใน 2-3 วัน หากเราอ่านค่านี้เป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน แสดงว่าดินมีการระบายน้ำไม่ดี ดังภาพด้านล่างนี้
ช่วง -10 ถึง -20 เซนติบาร์ แสดงว่ามีน้ำและอากาศในดินเพื่อการเจริญเติบโตของพืชในดินทุกชนิด ช่วงนี้คือช่วงความชื้นชลประทาน
(fiel capacity) ซึ่งหมายถึงดินอุ้มน้ำได้เต็มที่ และไม่สามารถอุ้มน้ำไปได้มากกว่านี้ สำหรับการนำไปใช้ของพืช ช่วงนี้พืชสามารถใช้ประโยชน์จากความชื้นในดินที่มีเพื่อการเจริญเติบโตได้ผลดีที่สุด หากเราให้น้ำแก่พืชในช่วงที่ความชื้นในดินอยู่ในระดับความชื้นชลประทาน น้ำจะระบายออกไปก่อนภายใน 2-3 วัน ก่อนที่พืชจะนำน้ำนั้นมาใช้ ส่วนใหญ่เราจะหยุดการให้น้ำเมื่อค่าที่อ่านได้ในช่วงนี้ หากเราให้น้ำมากเกินไป น้ำจะถูกระบายออกและจะพาธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินออกไปด้วย ดินเหนียว+ดินร่วน+ดินทราย ไม่ต้องให้น้ำ ดังภาพด้านล่างนี้
ช่วง -20 ถึง -40 เซนติบาร์ คือช่วงที่มีอากาศและความชื้นพอเหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช
ดินเหนียว + ดินร่วน ไม่ต้องให้น้ำ
ดินปนทราย ปกติแล้วไม่ต้องให้น้ำ เนื่องจากดินทรายมีความสามารถในการอุ้มน้ำต่ำ และระดับแรงดูดในดินจะขึ้นรวดเร็วมากเมื่อพืชดึงน้ำไปใช้ หากปลูกพืชที่ดูดน้ำมากในดินทราย เช่น มันฝรั่ง จะต้องให้น้ำเมื่ออ่านค่าได้ -20 ถึง -30 เซนติบาร์ เพื่อป้องกันแรงดันความชื้นในพืชที่เกิดขึ้นจากการที่พืชดูดน้ำจากดินอย่างรวดเร็ว และดินแห้งอย่างรวดเร็ว ดังภาพด้านล่างนี้
ช่วง -40 ถึง -60 เซนติบาร์ คือช่วงที่จะต้องเริ่มการให้น้ำแก่พืช
ดินเหนียว + ดินร่วน ต้องให้น้ำ ค่าที่วัดได้จะลดลงทันทีที่ให้น้ำ
ดินทราย ดินแห้งเกินไปพืชเติบโตไม่ดี หากวัดได้ในระดับนี้แสดงว่าพืชขาดน้ำถึงขีดอันตรายแล้ว